บันทึก present paper ที่อิตาลี

Posted on September 14, 2015

1


เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2558

ย้อนความไปคือเราและโมเส้นได้ submit paper เข้า conference (งานประฃุมวิชาการ)

การ submit paper นี่ก็เหมือนกับการแย่งกันประมูลว่าใครจะได้เสนอผลงานตัวเองที่งานประชุมนั้น
แล้วคณะกรรมการของ conference นั้นก็จะเป็นผู้เลือกว่าผลงานไหนได้เข้ารอบ

ถ้าผลงานไหนได้เข้ารอบ มันก็จะได้ตีพิมพ์
และผู้เขียน paper จะต้องส่งหนึ่งตัวแทนไป present paper นั้น

ทีนี้งานของพวกเราได้รับ accept เข้า conference

เดิมที โมเส้น ควรจะเป็นตัวแทนไป present
แต่เมียโมเส้นกำลังจะคลอดลูก คนไป present แทนได้แก่ อัมรินทร์ ผู้นี้นี่เองงง


วันที่ 1 (บินไป)


ไม่พร้อมอย่างแรง

ในวันที่ปิดเทอมใหญ่วันแรก
ขณะที่ทุกคนกำลังถ่ายรูปรับปริญญา ใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับเพื่อนๆที่กำลังจบ
กรูต้องเตรียมตัวบินไปอิตาลี

ท่ามกลางความวุ่นวาย ก็ยังมีความสงบอยู่
เดียร์บินมาเข้าคลาสอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับหมอไตๆ
มาชิคาโกพอดี (อยู่แถวๆสนามบินไปอิตาลี)

เราก็เลยได้ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกันนิดหน่อย
11165295_10152906663216989_5834532829136936786_n

แต่แล้วตอนเย็นก็ได้เวลาต้องบินออก

เครื่องบินร้อนขริงๆ ไปหยุดที่เมือง munich (เล่นฟีฟ่าใช้ทีมบาเยิร์นบ่อยอยู่) ที่ประเทศเยอรมันแป๊ปนึง
แล้วก็บินต่อไปเมือง florence ประเทศอิตาลี (ว่าแต่ทำไมกรูเขียนชื่อเมืองเป็นภาษาอังกฤษแต่ชื่อประเทศเป็นภาษาไทยวะ)

ไปถึงสนามบินปุ๊ป เราก็ควักไอ้ที่เราจองรถบัสไว้
เข้าไปถามเคาน์เตอร์ว่าขึ้นรถบัสที่ไหน
เค้าก็ชี้ๆไปทางนู้นๆ

เราก็เดินไปทางนู้นๆ แล้วก็เจอแต่ความว่างเปล่ากับหัวใจเหงาๆ
สรุปเสียค่าจองรถบัสไปฟรีๆ เพราะไม่ได้ดูว่าขึ้นยังไง

ก็นั่งรถบัสอีกแบบนึง ไปลงที่หัวลำโพงของเมืองนี้
แล้วก็เดินจากหัวลำโพงไปที่โรงแรม ดีนะที่มือถือเปิดเน็ตต่างประเทศไว้เลย google map รัวๆ

เดินไปถึงโรงแรม
ก็เห็นดาโก้ (อาจารย์อีกคนที่มา present) มาถึงโรงแรมเดียวกันพอดี
โดยมาพร้อมลูกศิษย์ เป็นเด็ก ป.เอกอีกคนที่ใกล้จบแล้ว ชื่อ มิโลช (อ่านว่า มิ โล้sh เสียง sh แบบฝรั่ง)
มิโลชก็เป็นรูมเมทของเราตลอดทริปนี้

หลังจากไปเก็บของอะไรในห้องเรียบร้อย
ดาโก้ก็นัดกินข้าว วันแรกได้กินลาซาญย่า แล้วก็เดินชมเมืองเล็กน้อย

1

วันนี้เหนื่อยและร้อน กลับมาถึงห้องก็สลบไปอย่างไม่สนใจใคร


วันที่ 2


วันนี้ตื่นเช้าได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร คงเป็นเพราะ jet lag

โปรแกรมวันนี้คือตอนบ่ายนัดโปรเฟสเซอร์ชื่อ ไมค์ ไว้

ไมค์ เป็นส่วนนึงของโปรเจคนี้เหมือนกัน
เค้าเลยช่วยเราซ้อม present ว่าเราควรจะแก้ slide ควรจะพูดยังไงบ้าง
จากประสบการณ์นี้ ความสามารถการทำ slide และ present ก็ได้ level up แบบมหาศาล

แต่ต้องยอมรับว่าการสอบ qual (อ่านได้จากโพสนี้)
ช่วยเตรียมตัวให้เราพร้อมกับการ present ได้ดีเลยทีเดียว

วันนี้มีแค่นี้แหละ ตอนเย็นก็ไปกินลาซาญย่า แต่คนละร้านกัน
อร่อยเหาะเหมือนเดิม
เท่าที่กินมาสองวันสังเกตได้ว่า อาหารที่นี่ไม่ได้จัดสวยหรืออะไร
แต่อร่อยอย่าบอกใครเลย

2


วันที่ 3


วันนี้เราเดินไปลงทะเบียนที่ conference
พอไปลงทะเบียนก็ได้ถุงมาถุงนึง ข้างในก็มีสูจิบัตร
(เค้าเรียกสูจิบัตรใช่มะ ที่มันบอกว่า งานนี้มีอะไรบ้างกี่โมงๆ)

เพื่อความบันเทิงเลยเปิดไปดูงานที่ตัวเองจะต้อง present

3-2

เห็นชื่อตัวเองแล้วรู้สึกปลื้มใจ นี่เราก็มาได้ถึงขนาดนี้นะเนี่ย เกิดมาไม่เคยจะมีผลงานกับเขา

วันนี้ยังไม่ได้ present เราก็ชิว ไปเข้า presentation ของคนอื่น
เรียนรู้ว่าเค้าพูดกันประมาณไหน คนถามจะถามประมาณไหน

สถานที่ก็ดูไฮโซดีนะ

3

ระหว่างพักเราก็ไปเดินเล่นในเมือง
เดียร์บอกว่าต้องกิน เจลาโต ให้ได้
เราก็จัดไป

3-4

โคตรอร่อยอะ เหนียวๆนิดนึง แล้วก็เปรี้ยวรสมะนาวได้ใจมาก

เจอ macdonald อีกตะหาก

3-3

ตกเย็นก็ไปกินข้าวร้านที่เพื่อนเก่าคนนึงในเมกาแนะนำ
ขอบอกว่ามื้อนี้อร่อยที่สุดในทริปนี้

3-53-6

นอกจากนั้นก็ไปเดินชมเมืองต่อด้วย

3-7 3-8 3-9

กลับมาที่บ้านก็นึกได้ว่า พรุ่งนี้ present แล้ว

มิโลช เลยแนะนำให้มาฝึก present กัน
กว่าจะได้นอน ฝึกไปอย่างน้อย 5 รอบ
มิโลช โหดมาก พูดผิดนิดนึงให้เอาใหม่เลย
แต่ทำให้คล่องขึ้นเยอะเลย


วันที่ 4 (present)


เอาเว้ย วันนี้ present แล้ว
ตื่นสายเต็มที่ เพราะอยากให้ร่างกายพร้อม
ซ้อม present กับตัวเองที่โรงแรมประมาณ 2 ชั่วโมง
พอกำลังจะออกจากบ้านปุ๊ป ฝนตกปั๊ป
ไม่มีร่ม เลยต้องเอาปอก laptop มากันฝน (ส่วน laptop อยู่ในเป้)

ไปถึงห้อง present ก็ไปแนะนำตัวกับโฆษก (ก็คือคนที่คอยแนะนำตัวผู้ present ในงาน)
session ของเรามี present 3 คน เราเป็นคนสุดท้าย
มีเวลาได้ทำใจให้หายตื่นเต้นนิดนึง

พอถึงตาเรา เราก็ขึ้นไปบนแท่น ต่อ laptop เข้าโปรเจคเตอร์
เงยหน้ามองคน ประมาณ 100 กว่าคน
คนเหล่านี้เต็มไปด้วยนักวิจัย คนทำงาน และโปรเฟสเซอร์ผสมผสานกัน

ด้วยพลังการซ้อม present มาหลายรอบมากๆๆๆ
ทำให้ presentation ที่ซ้อมมา 20 นาทีนิดๆ คราวนี้พูดไม่พลาดซักคำ
มีคนพยักหน้าตามด้วย!

ทุกอย่างผ่านไปอย่างนุ่มลื่นดุจสายไหม
จบด้วยการถามตอบประมาณ 3 คำถาม
ซึ่งเราคิดว่าเราตอบได้ไม่ทุเรศ

มันจบแล้วเว้ย! ในที่สุดเราก็ได้ unlock skill การ present paper ที่ต่างประเทศ

ตอนนี้ในใจนี่โล่ง พร้อมจะไปเที่ยวเมือง florence อย่างเต็มที่ไม่กลัวอะไรแล้ว

จบวันนั้น ทางผู้จัด conference เค้าก็แจกบัตรฟรีเข้าชมพิพิธภัณฑ์ชื่อ Uffzi ให้ผู้ไป conference ทุกคน
เราก็ไปเดินพิพิธภัณฑ์ตามสไตล์ของเรา (ก็คือ เดินเร็วๆ ไม่ค่อยอ่านรายละเอียด แล้วก็ออกมาเร็วๆ)

แต่ก็ยังถ่ายรูปมาบ้าง

4-1 4-2

หลังจากเดินผ่านพิพิธภัณฑ์แบบเร็วๆ
มิโลชก็ชวนไปกินข้าวกับเพื่อนอีก 2 คน

ก็ไปกินพิซซ่าเวอร์ชันของแท้
แบบที่มีเตาไฟอยู่กลางร้าน แล้วก็มองไปเห็นเสื้อผ้าของเจ้าของร้านห้อยอยู่

4-3

อร่อยอีกแล้ว อร่อยมากๆๆๆๆ

จบวันไปอย่างผ่อนคลาย


วันที่ 5 (เที่ยว)


เป้าหมายวันนี้คือเที่ยว
ก็ตื่นตี 5 โดยไม่ได้ตั้งใจ นอนต่อก็ไม่หลับ เลยตื่นเลย
ก็เลยออกจากบ้านไปแรดในตัวเมืองซะเลย

เพื่อนแนะนำมาว่าให้ไปดูรูปปั้นเดวิด (รูปปั้นที่เป็นคนผมหยิกๆล่ำๆเห็นเจี๊ยวอะ)
และแนะนำให้ไปปีนบันไดโบสถ์ Duomo ขึ้นไปชั้นสูงสุด เพื่อดูวิวตัวเมือง

เราก็ทำตามคำแนะนำ

แต่ก่อนอื่นหาที่กินข้าว
ก็ไปลงเอยที่ร้านที่ขายขนมเจลลี่หน้าตาน่ารักๆ

5-1

เสร็จที่แรกก็คือไปดูรูปปั้นเดวิด ไปก่อนมันเปิด แต่แถวก็ยังยาวเป็นบ้า

5-3

รอประมาณ 30 นาทีก็ได้เข้า
ในที่สุดเกิดมาก็ได้เห็นรูปปั้นเดวิด

11263014_10152916902581989_6218950928392246695_n

(เห็นเจี๊ยวจริงด้วยวะ)

หลังจากดื่มด่ำกับงานศิลป์ประมาณชั่วโมงนึง เราก็ออกมาเพื่อไปลุยโบสถ์ duomo ต่อ

5-6

แต่แถวยาวอีกแล้ว

5-4

เห็นแล้วก็ถอดใจแป๊ปเลยกลับไปนั่งดู presentation ที่ conference ต่อ
พอถึงเวลาพักเที่ยงเลยมาแก้แค้นอีกที
แถวก็ยังยาวเท่าเดิม ก็เลยยืนรอมันไปเพราะไม่ได้มาอิตาลีบ่อยๆ
รอ 45 นาทีในที่สุดก็ได้เข้า

ใช้เวลาปีบันไดอีกประมาณ 20 นาที มันไม่จบไม่สิ้นซะทีวนขึ้นอยู่นั่นหละ
แต่พอไปถึงยอดโบสถ์นี่ก็ฟินกับวิวเลย

5-5

ได้มากินอาหารแท้ๆ มาดูรูปปั้น และปีนโบสถ์ ก็ถือว่ามา florence คุ้มละ

ตอนเย็นทาง conference มีงานเลี้ยงอาหารเย็นเป็นแบบ buffet

5-7

ก็จัดหนักไปรวมถึงเครื่องดื่มด้วย

5-8

จบไปอีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้วันสุดท้าย แล้วก็ได้กลับอเมริกาด้วย


วันที่ 6 (กลับ)


วันนี้ได้กลับบ้านแล้วเว้ย
จากที่บอกไว้ตอนต้น ว่าไม่ได้อยากจะมาอิตาลีเลย
โอกาสได้ present paper มันดีก็จริง แต่ว่าพลาดโอกาสไปงานรับปริญญาเพื่อน ฯลฯ

วันนี้เลยดีใจเป็นพิเศษได้กลับบ้าน
ตื่นมาจัดกระเป๋าอย่างอารมณ์ดี
ลากกระเป๋าไปที่ conference แล้วก็เข้าไปนั่งฟัง presentation อย่างชิวๆ รอเวลากลับเท่านั้น

วันนี้ในหัวไม่มีอะไร นอกจาก จะได้กลับบ้านแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถึงเวลากลับ ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้แล้ว

ขากลับเครื่องบินแวะลงที่เมือง frankfurt ประเทศเยอรมัน
มีคนแนะนำให้กินไส้กรอกเยอรมัน ก็สั่งกิน รสชาติไม่เวิร์ค โดนอาหารอิตาลีสปอยมาเยอะ

พักที่ frankfurt คืนนึง วันต่อมาก็ขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน ในที่สุด

ขออนุญาตจบ บันทึก present paper ที่อิตาลีแต่เพียงเท่านี้
เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ได้เรียนรู้อย่างมาก เรื่องการ present paper
ต่อไปนี้เราก็เอา skill นี้ไปใช้ที่อื่นได้แล้ว เย่

Posted in: Uncategorized